ศิลปินผู้รักในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และไม่เคยยอมแพ้แม้ว่าจะไม่มีคนเห็นด้วยกับสิ่งที่ทำอยู่ เด็กประเภทนี้จะมองว่าความจำเจ คือ สิ่งที่น่าเบื่อและไม่ท้าทาย ทุกอย่างต้องขับเคลื่อนด้วยแรงบันดาลใจเสมอจึงจะมีพลังไปสู่ความสำเร็จได้ หากตั้งใจทำอะไรจะมีความมุ่งมั่นสูงและต้องทำให้ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เมื่ออยู่ในอารมณ์เศร้าหรือเสียใจมักจะเก็บตัวเงียบจนอารมณ์ดีขึ้นแล้วจึงค่อยกลับมาเผชิญหน้าใหม่อีกครั้ง
ไม่ใช่เพียงแต่การระบายสี หรือวาดรูปเท่านั้นที่ช่วยสร้างสรรค์จินตนาการ แต่ยังมีกิจกรรมอีกมายมากที่ช่วยต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก ๆ ได้ดี เช่น การแสดงละคร การลองให้เด็กได้เล่านิทานด้วยตัวเอง การทำงานประดิษฐ์หรืองาน Handmade ที่ให้เด็ก ๆ ออกแบบด้วยตัวเองซึ่งจะมีเพียงชิ้นเดียวบนโลกอีกด้วย!
การฝึกบริหารเวลาตั้งแต่อายุยังน้อย จะทำให้ใช้เวลาในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงทำบันทึก check list โดยเรียงลำดับความสำคัญก่อนหลัง เริ่มจากสิ่งที่ต้องทำก่อน แล้วต่อด้วยสิ่งที่ควรทำ สุดท้ายคือสิ่งที่ไม่จำเป็น ซึ่งสามารถแทรกทำตอนไหนก็ได้ เพียงเท่านี้ก็ช่วนให้เราใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าในแต่ละวัน
ความแปลกใหม่คือสิ่งที่ท้าทายและน่าสนในสำหรับเด็กประเภท UG หากเลือกที่จะทำอะไรแล้ว สิ่งนั้นจะต้องออกมาดีที่สุด สวยที่สุดในมุมมองของเขา และมีความสร้างสรรค์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร เด็กประเภทนี้จึงภูมิใจกับผลงานของตนเองอย่างมาก เพราะมีความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ตนเองทำออกมาย่อมดีอย่างสุดความสามารถเสมอ เด็กประเภทนี้มักตีความทุกเรื่องเป็นภาพ คิดเป็นภาพ ยิ่งเห็นภาพชัดมากเท่าไหร่ก็จะไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายขึ้นเท่านั้น เมื่อเจอปัญหาหลบไปคิดด้วยคนเดียวก่อน เพราะต้องการพื้นที่สำหรับทบทวนและหากระบวนการ เมื่อคิดได้แล้วก็จะกลับมามุ่งมั่น แก้ไขปัญหานั้นอีกครั้ง เพราะเชื่อว่า “ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้” ทุกอย่างมีทางออกเสมอ
การเล่นมีผลต่อการพัฒนาสมองสำหรับเด็กโดยตรง ประสบการณ์ที่ได้รับจากการเล่นไม่ว่าจะเป็นการเข้าสังคม การแก้ไขปัญหา การสื่อสาร จะช่วยพัฒนาศักยภาพของเด็กในด้านต่างๆ เพราะจะช่วยกระตุ้นใยสมองและจุดเชื่อมต่อการจดจำประสบการณ์ให้เพิ่มมากขึ้น เป็นจุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์ในการเรียนรู้
เด็กประเภทนี้มักมีความคิด มีจินตนาการที่เป็นอิสระเสรี ไม่อยู่ในกรอบ มีมุมมองที่ไม่เหมือนคนอื่น เพราะต้องการความแปลก แตกต่าง ความเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง และสิ่งนั้นจะต้องสวยงามด้วยเสมอ มีความมั่นใจในตนเองสูง จึงไม่ค่อยสนใจสายตาใครว่าจะมองตนเองอย่างไร ขอเพียงได้ทำในสิ่งที่รักก็เพียงพอสำหรับเด็กประเภท UG แล้ว
การต้องทำอะไรเดิม ๆ นั้นเป็นสิ่งที่น่าเบื่อเกินไป โลกนี้ควรมีสิ่งใหม่ที่ช่วยเติมเต็มสีสันให้กับชีวิต ทำให้รู้สึกว่าชีวิตมีความสนุกและมีคุณค่าที่จะเรียนรู้ในแต่ละวัน จึงชอบที่จะคิดและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ออกมาอยู่เรื่อย ๆ เมื่อนึกไอเดียอะไรใหม่ ๆ ได้ก็มักจะลงมือทำทันทีด้วยความตื่นเต้นและอยากเห็นผลลัพธ์ที่ออกมา ความสุขของเด็กประเภทนี้จึงหาได้จากแรงบันดาลใจและการสร้างสรรค์สิ่งที่ตนเองรักนั่นเอง ส่วนในเรื่องของการสร้างความสัมพันธ์เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยถนัดมากนัก
แรงบันดาลใจ คือ พลังงานสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เราอยากลงมือทำ อยากพัฒนาตนเอง หรือสามารถฝ่าฝันอุปสรรคเพื่อไปสู่เป้าหมายและประสบความสำเร็จอย่างที่ตนตั้งใจไว้ได้
ลักษณะเด่นของเด็กประเภทนี้คือ มีอารมณ์อ่อนไหว รักในงานศิลปะ ความสวยงามในทุกรูปแบบคือสิ่งที่เด็กประเภท UG หลงรักและเป็นแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตมาตลอด หากเด็กประเภทนี้ขาดแรงบันดาลใจแล้ว ก็จะเศร้า หดหู่ และไม่รู้ว่าชีวิตควรจะทำอะไรต่อไป ดังนั้น สิ่งที่แปลกใหม่จึงเป็นความท้าทายสำหรับเด็กประเภทนี้ ทำให้อยากสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมออกมาให้สังคมได้เห็นในความสามารถของตน
คือ ความสามารถในการนำพาผู้อื่นไปสู่จุดหมาย หรือวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้ โดยมีศิลปะในการชี้แนะให้ผู้ร่วมงานปฏิบัติตามด้วยความกระตือรือร้น เต็มใจทำในสิ่งที่ต้องการ
คือ ความสามารถในการคิดเชิงวิเคราะห์ ตั้งคำถามหาต้นตอของปัญหาได้ โดยนำความรู้และประสบการณ์ที่มีมาหาทางออกของปัญหานั้น ๆ ในรูปแบบที่ดีที่สุด
คือ ความสามารถในการเข้าใจและจัดการกับอารมณ์ของตนเอง การแสดงออก อย่างเหมาะสมในสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีกับคนรอบข้าง
การให้เด็กได้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมตัดสินใจสิ่งต่าง ๆ ในครอบครัว สามารถช่วยสร้างภาวะความเป็นผู้นำได้ หากพ่อแม่ช่วยเปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความคิดเห็น ได้คิดหาทางออกร่วมกับผู้อื่น เป็นการฝึกให้เด็กได้รับฟัง และการยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นไปพร้อมกัน
กิจกรรมนอกบ้านเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยพัฒนาทักษะของเด็กได้อย่างรอบด้านนอกจากฝึกสมาธิ ฝึกการเข้าสังคม ฝึกการควบคุมอารมณ์ และ ฝึกสมองแล้ว ยังช่วยให้เด็กค้นพบแรงบันดาลใจจากสิ่งใหม่ ๆ และเรียนรู้ทั้งภายในตนเองและโลกภายนอก
เด็กประเภท UG เป็นเด็กที่มักทำอะไรตามอารมณ์ ตัดสินด้วยความรู้สึกมากกว่าการใช้เหตุผล จึงไม่มีแบบแผนในการจัดการด้านการเงินที่ชัดเจน เมื่อเห็นอะไรถูกใจก็ตัดสินใจซื้อได้อย่างรวดเร็วแบบไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ควรมีการวางแผนด้านการเงินและฝึกความใจเย็นลงอีกนิด ลองให้เวลาคิดทบทวน หันไปทำอย่างอื่นก่อนแล้วค่อยกลับมาตัดสินใจอีกครั้ง ความรู้สึกที่อยากซื้อก็อาจเปลี่ยนไปได้
การจักรู้วางแผนทางการเงิน รู้จักการออมเงิน สามารถทำได้ตั้งแต่ในวัยเด็ก เพราะจะช่วยส่งเสริมให้มีภูมิคุ้มกันทางการเงินที่ดีตั้งแต่เด็ก สามารถจัดสรรการเงินของตนเองได้ในอนาคต
เนื่องจากเด็กประเภทนี้เป็นเด็กที่มีลักษณะของเด็กประเภท U และ G คือ เป็นเด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง ไม่ชอบการถูกจำกัดอยู่ในกรอบ ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หรือสิ่งที่ท้าทาย ดังนั้นลักษณะการเรียนรู้ของเด็กประเภทนี้จึงเป็นลักษณะผสมของเด็กประเภท U และ G ดังนี้
เด็กประเภท U มักจะมีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีมุมมองที่แตกต่างไม่เหมือนใคร มีอารมณ์ที่อ่อนไหวและละเอียดอ่อนมาก มีความคิดสร้างสรรค์ มีจินตนาการกว้างไกล ไม่ชอบอยู่ในกรอบที่จำกัด ชอบลงมือทำงานตามความสนใจของตนเอง แต่ก็ไม่ค่อยมีการคิดวางแผนล่วงหน้าเท่าใดนัก
ดังนั้นลักษณะการเรียนรู้ของเด็กประเภทนี้จึงเป็นการเรียนรู้แบบอิสระ (Independent learning) ซึ่งเป็นการคิดจินตนาการและลงมือทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเองโดยไม่ต้องการให้ใครมาตีกรอบ ชี้นำ หรือจำกัดการทำงาน เด็กจะสามารถควบคุมตนเองให้ทำงานได้สมบูรณ์อย่างน่าทึ่งหากเป็นเรื่องที่ตนเองสนใจจริง ๆ
เด็กประเภท G มักจะเรียนรู้ได้ดีเมื่อได้ลงมือทำสิ่งใหม่ ๆ ที่มีความยากและท้าทายความสามารถของตนเอง ด้วยเหตุนี้ลักษณะการเรียนรู้ของเด็กประเภทนี้จึงเป็นการเรียนรู้แบบแข่งขัน (Competitive learning) เพราะเด็กมีบุคลิกภาพความเป็นผู้นำที่โดดเด่น มีความสามารถในการชักจูงผู้อื่น ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญเด็กมักจะพยายามทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้ได้รับรางวัลหรือสิ่งตอบแทนที่ตนเองต้องการ
ดังนั้นวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับเด็กประเภทนี้ที่สุดคือ การเล่นเกมและการแข่งขันในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบเดี่ยว แบบคู่ หรือแบบกลุ่มก็ตาม
เนื่องจากเด็กประเภท U มีโลกส่วนตัวสูง รักอิสระ มักจะใช้อารมณ์และความรู้สึกมากกว่าเหตุผล บางครั้งจึงอาจมีความดื้อและต่อต้านผู้อื่นเสมอ รวมถึงมีอารมณ์ที่ค่อนข้างซับซ้อน ทำให้เข้าใจยากมากกว่าคนอื่น ๆ
ดังนั้นพ่อแม่จึงควรส่งเสริมให้เด็กได้ฝึกฝนทักษะการคิดวิเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นการทบทวนข้อมูลตามหลักการเหตุและผล เพื่อให้เด็กทำความเข้าใจถึงข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเหมาะสมตามหลักความเป็นจริง ไม่ใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินเพียงอย่างเดียวซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้ง่าย ฝึกฝนทักษะการวางแผนอย่างเป็นระบบขั้นตอน เพื่อให้เด็กมีความรอบคอบและระมัดระวังก่อนที่จะตัดสินใจลงมือทำสิ่งต่าง ๆ รวมถึงฝึกฝนความมีวินัยในการใช้ชีวิตประจำวันด้วย เพื่อให้สามารถทำงานและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น
เนื่องจากเด็กประเภท G มีความมั่นใจในตนเองสูง เอาจริงเอาจัง ไม่ยอมแพ้ ชอบความตื่นเต้นท้าทาย และกล้าเสี่ยง
ด้วยเหตุนี้เด็กประเภทนี้จึงค่อนข้างเป็นเด็กขี้ใจร้อน วู่วาม เบื่อง่าย ประมาท และขาดความรอบคอบ
ดังนั้นพ่อแม่จึงควรส่งเสริมให้เด็กได้ทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายความตึงเครียดในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การทำสมาธิ เล่นดนตรี ทำงานศิลปะ นอกจากนี้ควรให้เด็กได้ทำกิจกรรมกลุ่มที่เสริมสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น เพื่อฝึกฝนทักษะการร่วมมือทำงาน การวางแผนร่วมกัน การรับฟังผู้อื่น เอาใจเขามาใส่ใจเรา แสดงความมีน้ำใจ และช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น เช่น การทำงานบ้านร่วมกับสมาชิกในครอบครัว การทำกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมร่วมกับคนในชุมชน การเป็นอาสาสมัครเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ในสังคม เป็นต้น
ผลการสำรวจของ World Economic Forum (สภาเศรษฐกิจโลก) จัดอันดับความสามารถทางการแข่งขันของเด็กไทยลดลงในปี 2562 จากอันดับที่ 38 เป็น 40 ในการจัดอันดับทั้งสิ้น 141 ประเทศ ขาดการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking)
สมองเด็กสามารถพัฒนาได้ถึง 85% ของสมองผู้ใหญ่ และในทุก 1 วินาที เซลล์สมองของเด็กจะมีการเชื่อมต่อสูงถึง 700 เซลล์ จึงถือเป็นช่วยวัยแห่งนาทีทองในการเรียนรู้ของเด็ก ๆ
แบบทดสอบวัดความฉลาดทั้ง 5 ด้าน สำหรับเด็ก ได้แก่
• ความฉลาดทางสังคม (SQ)
• ความฉลาดทางเชาว์ปัญญาเชิงบวก (PQ)
• ความฉลาดในการแก้ปัญหา (AQ)
• ความฉลาดด้านความคิดสร้างสรรค์ (CQ)
• ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ)
โดยวัดจากระบบความคิด วิธีการแก้ปัญหา และการดำเนินชีวิตของเด็ก เพื่อส่งเสริมทักษะด้านต่าง ๆ ที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับเด็กแต่ละคนได้อย่างตรงจุด นำไปสู่การเรียนรู้ ต่อยอด และปรับใช้ได้ในอนาคต
แบบทดสอบวัดกรอบความคิดและทัศนคติ
ซึ่งแบบทดสอบนี้จะช่วยให้เด็กรู้ทันความคิด ทัศนคติ หรือพฤติกรรมของตนเอง นำไปสู่แนวทางในการพัฒนาความคิดให้เติบโตและสามารถเรียนรู้ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด